รายงานเพื่อความโปร่งใส

นโยบายสำคัญ

ส่วนนี้จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายบางส่วนที่มีการนำระบบการแจ้งว่าไม่เหมาะสมโดยอัตโนมัติมาใช้เป็นอุปกรณ์เพื่อตรวจหาเนื้อหาที่อาจมีการละเมิด เมื่อระบบอัตโนมัติแจ้งเนื้อหาที่น่าจะมีปัญหา เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเนื้อหาดังกล่าวเพื่อยืนยันว่าเนื้อหาละเมิดนโยบายของเราจริงหรือไม่ หลังจากนั้นผู้ตรวจสอบจะดำเนินการตามความหมาะสม การตัดสินใจเหล่านี้จะคอยฝึกและเน้นย้ำให้ระบบของเราเข้าใจการตรวจหาการละเมิด เพื่อให้การทำงานครอบคลุมเนื้อหาลักษณะต่างๆ มากขึ้นในอนาคต

นโยบายสำคัญ: ลัทธิหัวรุนแรง

เนื้อหาที่ละเมิดนโยบายต่อต้านลัทธิหัวรุนแรงของเรารวมถึงเนื้อหาที่สร้างโดยองค์กรก่อการร้ายต่างชาติที่อยู่ในรายชื่อของรัฐบาล เราไม่อนุญาตให้องค์กรก่อการร้ายใช้ YouTube โดยเด็ดขาดไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตาม ซึ่งรวมถึงการสรรหาสมาชิกใหม่ นอกจากนี้ YouTube ยังไม่อนุญาตเนื้อหาที่โปรโมตการก่อการร้ายโดยเด็ดขาด เช่น เนื้อหาที่ยกย่องการกระทำของผู้ก่อการร้ายหรือส่งเสริมความรุนแรง เราจะยกเว้นเนื้อหาที่แชร์ในบริบทเพื่อการให้ความรู้ การให้ข้อมูลเชิงสารคดี วิทยาศาสตร์ และศิลปะ

เนื้อหาที่สร้างโดยกลุ่มลัทธิหัวรุนแรงต่างชาติที่ไม่ใช่องค์กรก่อการร้ายที่อยู่ในรายชื่อของรัฐบาลมักอยู่ภายใต้นโยบายต่อต้านการโพสต์เนื้อหาแสดงความเกลียดชังหรือรุนแรงหรือสยดสยอง รวมถึงเนื้อหาเพื่อสร้างความตื่นตระหนกหรือความตื่นเต้นเป็นหลัก หรือโพสต์โดยไม่มีจุดประสงค์ที่เหมาะสม ผู้ตรวจสอบจะประเมินเนื้อหาที่ถูกแจ้งว่าไม่เหมาะสมโดยอิงจากหลักเกณฑ์ของชุมชนและนโยบายทั้งหมด ตัวเลขในส่วนนี้อ้างถึงเนื้อหาที่ถูกนำออกเนื่องจากละเมิดนโยบายเกี่ยวกับลัทธิหัวรุนแรงเท่านั้น

วิดีโอทั้งหมดที่นำออก
328,021

หลักเกณฑ์ของชุมชนและรายละเอียดการบังคับใช้

วิธีที่ YouTube ใช้เทคโนโลยีในการตรวจหาเนื้อหาที่ละเมิดหลักเกณฑ์: ลัทธิหัวรุนแรง

YouTube ได้พัฒนาระบบอัตโนมัติที่ช่วยตรวจหาเนื้อหาซึ่งอาจละเมิดนโยบายของเรา เมื่อระบบอัตโนมัติแจ้งเนื้อหาที่อาจเป็นปัญหา เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเนื้อหาดังกล่าวเพื่อยืนยันว่าละเมิดนโยบายจริงหรือไม่ หากใช่ เราจะนำเนื้อหาออกและเอามาใช้ฝึกให้แมชชีนตรวจหาการละเมิดได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต บัญชีที่โพสต์เนื้อหาดังกล่าวมักได้รับประกาศเตือน 1 ครั้ง และหากได้รับประกาศเตือนหลายครั้งจะนำไปสู่การสิ้นสุดบัญชี สำหรับระบบอัตโนมัติที่ตรวจหาเนื้อหาลัทธิสุดโต่ง ทีมเจ้าหน้าที่ของเราตรวจสอบวิดีโอกว่า 3 ล้านรายการเพื่อสร้างตัวอย่างการฝึกจำนวนมากซึ่งจะช่วยปรับปรุงเทคโนโลยีการแจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมของแมชชีนเลิร์นนิง

ตอนนี้แมชชีนเลิร์นนิงช่วยให้เราลบเนื้อหาลัทธิสุดโต่งออกได้ก่อนที่จะมีผู้ชมจำนวนมาก การลงทุนที่สำคัญของเราในการต่อสู้กับเนื้อหาประเภทนี้กำลังส่งผลในทางที่ดี กล่าวคือระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายน 2022 ประมาณ 95% ของวิดีโอที่เรานำออกเนื่องจากละเมิดนโยบายเกี่ยวกับลัทธิสุดโต่งเป็นวิดีโอที่มีการแจ้งว่าไม่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ

การแชร์แฮช: ลัทธิหัวรุนแรง

YouTube ใช้เทคโนโลยีเพื่อป้องกันการอัปโหลดซ้ำของเนื้อหาที่ทราบว่ามีการละเมิด ก่อนที่เนื้อหาดังกล่าวจะเผยแพร่สู่สาธารณะ เราใช้เทคโนโลยีนี้มานานแล้วเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของภาพการล่วงละเมิดทางเพศเด็กบนแพลตฟอร์มดังกล่าว ในปี 2016 เราได้สร้างฐานข้อมูลการแชร์แฮชร่วมกับพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมเพื่อแชร์แฮช (หรือ "ลายนิ้วมือดิจิทัล") ของเนื้อหาเกี่ยวกับการก่อการร้ายเพื่อหยุดการแพร่กระจายของเนื้อหาดังกล่าว ปัจจุบันฐานข้อมูลที่แชร์มีแฮชที่ไม่ซ้ำกันมากกว่า 400,000 รายการ ซึ่งแฮชเหล่านี้แทบจะเหมือนกันทั้งหมดเมื่อดูด้วยตาเปล่า

คลังสื่อขนาดใหญ่และระบบตรวจจับอัตโนมัติของ YouTube ทำให้เราเป็นผู้ให้แฮชปริมาณมหาศาลแก่ฐานข้อมูลการแชร์แฮช YouTube ได้มอบแฮชที่ไม่ซ้ำกันมากกว่า 45,000 รายการให้แก่ฐานข้อมูลการแชร์แฮชในปี 2023 โดยเป็นไปตามเกณฑ์การแชร์ที่ Global Internet Forum to Counter Terrorism กำหนด

เมื่อเนื้อหาได้รับการแฮชแล้ว แพลตฟอร์มอื่นๆ จะสามารถใช้แฮชเหล่านั้นเพื่อช่วยตรวจหาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องในแพลตฟอร์มของตน ตลอดจนประเมินเนื้อหานั้นกับนโยบายเนื้อหาของตน นับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา จำนวนบริษัทที่มีส่วนร่วมในการแชร์และได้รับประโยชน์จากฐานข้อมูลนี้เพิ่มขึ้นจาก 4 รายเป็น 13 ราย ปัจจุบัน Global Internet Forum to Counter Terrorism (GIFCT) ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหารจัดการการดำเนินงานดังกล่าวอย่างเป็นทางการ

Global Internet Forum to Counter Terrorism: ลัทธิหัวรุนแรง

ในปี 2017 YouTube, Facebook, Microsoft และ Twitter ได้ก่อตั้ง Global Internet Forum to Counter Terrorism (GIFCT) ในฐานะกลุ่มบริษัทที่มุ่งมั่นขัดขวางการละเมิดแพลตฟอร์มดิจิทัลของสมาชิกโดยผู้ก่อการร้าย แม้ว่าบริษัทเหล่านี้ได้ใช้แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการต่อต้านการก่อการร้ายร่วมกันมาหลายปีแล้ว แต่ GIFCT มีโครงสร้างที่เป็นทางการมากขึ้นในการเร่งกระบวนการและช่วยให้การดำเนินการนี้มีประสิทธิภาพ รวมถึงแสดงให้เห็นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการต่อต้านการเผยแพร่เนื้อหาจากผู้ก่อการร้ายในโลกออนไลน์ GIFCT ร่วมมือกับโครงการริเริ่ม Tech Against Terrorism ในการจัดเวิร์กช็อปทั่วโลก โดยมีบริษัทเทคโนโลยี องค์กรนอกภาครัฐ และหน่วยงานภาครัฐระหว่างประเทศหลายแห่งเข้าร่วม

เนื่องจากมีสมาชิกและพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายใช้ฐานข้อมูลการแชร์แฮชนี้ จึงต้องมีความเห็นพ้องกันเป็นพื้นฐานว่าเนื้อหาแบบใดถือเป็นเนื้อหาของผู้ก่อการร้ายและลัทธิสุดโต่งเพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบและการแชร์แฮชของเนื้อหา ตามที่ระบุไว้ในรายงานเพื่อความโปร่งใสประจำปี 2021 ของ GIFCT ว่า "ขอบเขตเดิมของฐานข้อมูลการแชร์แฮชจำกัดไว้เฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับองค์กรที่อยู่ในรายชื่อรวมของผู้ถูกปฏิเสธโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ"

YouTube และสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งรายอื่นๆ ของ GIFCT ได้ลงนามในข้อเรียกร้องไครสต์เชิร์ชเพื่อกำจัดเนื้อหาของผู้ก่อการร้ายและกลุ่มสุดโต่งในสื่อออนไลน์ (Christchurch Call to Eliminate Terrorist and Violent Extremist Content Online) จากข้อเรียกร้องไครสต์เชิร์ชนี้ GIFCT ได้จัดทำโปรโตคอลเหตุการณ์เนื้อหา (Content Incident Protocol หรือ CIP) โปรโตคอลใหม่ให้แก่บริษัทสมาชิก GIFCT เพื่อการตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื้อหาไลฟ์สดที่ผู้กระทำผิดสร้างขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์โจมตีรุนแรงขึ้นจริง โปรโตคอลนี้ได้รับการทดสอบและพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ ดังที่เห็นจากตัวอย่างเหตุการณ์โจมตีโบสถ์ยิวในฮัลเลอ เยอรมนี (ตุลาคม 2019) เหตุกราดยิงในเกลนเดล แอริโซนา สหรัฐอเมริกา (พฤษภาคม 2020) เหตุกราดยิงในบัฟฟาโล นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา (มิถุนายน 2022) และเหตุกราดยิงในเมมฟิส เทนเนสซี สหรัฐอเมริกา (กันยายน 2022) นับตั้งแต่การสร้าง CIP เป็นต้นมา GIFCT ได้พัฒนาเฟรมเวิร์กการตอบสนองต่อเหตุการณ์ (Incident Response Framework) ต่อโดยบรรจุระดับชั้นเหตุการณ์เนื้อหา (Content Incident Tier) ในการตอบสนองต่อวิดีโอและรูปภาพที่แสดงภาพเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้กระทำผิดสร้างขึ้นและไม่ใช่ไลฟ์สด เฟรมเวิร์กที่ปรับปรุงใหม่นี้มีการใช้งานครั้งแรกหลังเกิดเหตุการณ์โจมตีในอุทัยปุระ รัฐราชสถาน อินเดีย (กรกฎาคม 2022)

GIFCT ได้พัฒนาเป็นบริษัทอิสระที่มีกรรมการบริหารและพนักงานของตัวเอง นอกจากนี้ ในโครงสร้างของ GIFCT ยังมีคณะกรรมการที่ปรึกษาอิสระอันประกอบด้วยตัวแทนจากรัฐบาลและสมาชิกนอกภาครัฐ ซึ่งรวมถึงกลุ่มผู้สนับสนุน ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชน นักวิจัย และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค YouTube ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารปฏิบัติการของ GIFCT ในกรอบการควบคุมดูแลใหม่นี้

เนื้อหาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการให้ความรู้ การให้ข้อมูลเชิงสารคดี วิทยาศาสตร์ และศิลปะ: ลัทธิหัวรุนแรง

หากผู้ใช้โพสต์เนื้อหาที่เกี่ยวกับการก่อการร้ายเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการให้ความรู้ การให้ข้อมูลเชิงสารคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ เราสนับสนุนให้ผู้ใช้มอบข้อมูลที่เพียงพอเพื่อให้ผู้ชมเข้าใจบริบท ผู้ใช้ไม่ควรโพสต์เนื้อหารุนแรงหรือนองเลือดเพื่อสร้างความตื่นตระหนกหรือความเร้าใจเป็นหลัก หรือโพสต์โดยไม่มีจุดประสงค์ที่เหมาะสม หากวิดีโอสร้างความสยดสยองหรือความไม่สบายใจ ก็ควรมีเนื้อหาเพิ่มเติมและข้อมูลประกอบอย่างสมดุลเพื่อช่วยให้ผู้ชมทราบว่ากำลังดูอะไรอยู่ เช่น การใช้บทนำ พากย์เสียงคำบรรยาย หรือแสดงข้อความบนหน้าจอ รวมถึงใช้ชื่อและคำอธิบายที่ชัดเจน การให้บริบทเชิงสารคดีหรือการให้ความรู้จะช่วยให้ผู้ชมและผู้ตรวจสอบทราบสาเหตุที่เนื้อหาซึ่งมีแนวโน้มสร้างความไม่สบายใจบางรายการยังคงเผยแพร่ใน YouTube ได้ เช่น นักข่าวพลเมืองที่บันทึกคลิปวิดีโอขณะผู้ประท้วงกำลังถูกทุบตีและอัปโหลดคลิปนั้นพร้อมให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (วันที่ สถานที่ บริบท ฯลฯ) มีแนวโน้มที่จะได้รับอนุญาต แต่การโพสต์คลิปเดียวกันนี้โดยไม่มีข้อมูลแสดงบริบทหรือการให้ความรู้อาจถือเป็นการโพสต์โดยไม่มีจุดประสงค์ที่เหมาะสม และอาจถูกนำออกจากเว็บไซต์ คลิปสยดสยองหรือเป็นที่เป็นประเด็นในสังคมอาจต้องมีการจำกัดอายุหรือแสดงหน้าจอคำเตือน

ผู้เชี่ยวชาญด้านการแจ้งเตือนเนื้อหา: ลัทธิสุดโต่งหัวรุนแรง

เราลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างเครือข่ายพาร์ทเนอร์จากฝ่ายรัฐบาลและ NGO กว่า 300 รายที่ช่วยนำความรู้และความเชี่ยวชาญอันมีค่ามาสู่ระบบการบังคับใช้เพื่อให้ครอบคลุมนโยบายด้านต่างๆ ของเรา รวมถึงผ่านทางโครงการผู้เชี่ยวชาญด้านการแจ้งเตือนเนื้อหาด้วย ผู้เข้าร่วมโครงการผู้เชี่ยวชาญด้านการแจ้งเตือนเนื้อหาได้รับการฝึกอบรมด้านการบังคับใช้หลักเกณฑ์ของชุมชน YouTube และเราจะตรวจสอบการรายงานปัญหาจากผู้เข้าร่วมก่อนเนื่องจากมีอัตราการดำเนินการสูงกว่าการรายงานปัญหาของผู้ใช้ทั่วไป ผู้เข้าร่วมโครงการผู้เชี่ยวชาญด้านการแจ้งเตือนเนื้อหาสามารถสื่อสารกับทีมความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยได้โดยตรงเพื่อการแก้ปัญหาที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เนื้อหาที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแจ้งเตือนเนื้อหารายงานเข้ามาจะอยู่ภายใต้นโยบายเดียวกับเนื้อหาที่ผู้ใช้รายอื่นๆ รายงานเข้ามา และได้รับการตรวจสอบโดยทีมที่ผ่านการฝึกอบรมให้ตัดสินว่าเนื้อหาละเมิดหลักเกณฑ์ของชุมชนและควรถูกนำออกหรือไม่

ตัวอย่างการดำเนินการกับวิดีโอที่ถูกแจ้งว่าไม่เหมาะสม: ลัทธิหัวรุนแรง

ต่อไปนี้คือตัวอย่างวิดีโอที่ถูกแจ้งว่าอาจละเมิดหลักเกณฑ์ของชุมชน ตัวอย่างเหล่านี้แสดงภาพรวมของเนื้อหาที่ถูกแจ้งว่าไม่เหมาะสมประเภทต่างๆ ที่เราได้รับ แต่ไม่ใช่ข้อมูลทั้งหมด

เหตุผลที่แจ้งว่าไม่เหมาะสม
ทางเพศ
ประเภทผู้รายงานปัญหา
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแจ้งเตือนเนื้อหา
คำอธิบายวิดีโอ
วิดีโอที่แสดงภาพผู้เยาว์ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเพศ
ผลลัพธ์
วิดีโอละเมิดนโยบายด้านความปลอดภัยของเด็กซึ่งไม่อนุญาตเนื้อหาที่มีการทำให้ผู้เยาว์เป็นวัตถุทางเพศ และช่องถูกนําออกแล้ว
เหตุผลที่แจ้งว่าไม่เหมาะสม
การละเมิดต่อเด็ก
ประเภทผู้รายงานปัญหา
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแจ้งเตือนเนื้อหา
คำอธิบายวิดีโอ
วิดีโอที่แสดงภาพผู้เยาว์ในกิจกรรมที่ไม่ใช่ทางเพศ แต่ชื่อวิดีโอทำให้ผู้เยาว์เป็นวัตถุทางเพศ
ผลลัพธ์
วิดีโอละเมิดนโยบายด้านความปลอดภัยของเด็กซึ่งไม่อนุญาตเนื้อหาที่มีการทำให้ผู้เยาว์เป็นวัตถุทางเพศ และช่องถูกนําออกแล้ว
เหตุผลที่แจ้งว่าไม่เหมาะสม
แสดงความเกลียดชังหรือการละเมิด
ประเภทผู้รายงานปัญหา
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแจ้งเตือนเนื้อหา
คำอธิบายวิดีโอ
วิดีโอที่แสดงใบหน้าของผู้เยาว์บนร่างกายของคนอื่นโดยมีเสียงที่บอกเป็นนัยว่าผู้เยาว์เป็นคนรักร่วมเพศ
ผลลัพธ์
วิดีโอละเมิดนโยบายด้านการคุกคามและการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ ซึ่งไม่อนุญาตเนื้อหาที่มีเจตนาสร้างความอับอาย หลอกลวง หรือดูหมิ่นผู้เยาว์ และช่องถูกนําออกแล้ว
เหตุผลที่แจ้งว่าไม่เหมาะสม
การละเมิดต่อเด็ก
ประเภทผู้รายงานปัญหา
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแจ้งเตือนเนื้อหา
คำอธิบายวิดีโอ
วิดีโอที่ขอรูปภาพเกี่ยวกับเรื่องเพศจากผู้เยาว์ที่โรงเรียน
ผลลัพธ์
วิดีโอละเมิดนโยบายด้านความปลอดภัยของเด็กซึ่งไม่อนุญาตเนื้อหาที่มีการทำให้ผู้เยาว์เป็นวัตถุทางเพศ และช่องถูกนําออกแล้ว
เหตุผลที่แจ้งว่าไม่เหมาะสม
แสดงความเกลียดชังหรือการละเมิด
ประเภทผู้รายงานปัญหา
ผู้ใช้
คำอธิบายวิดีโอ
วิดีโอที่อ้างว่าเหตุการณ์กราดยิงที่มัสยิดในเมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์เมื่อเดือนมีนาคม 2019 เป็นข่าวปลอม
ผลลัพธ์
วิดีโอละเมิดนโยบายเกี่ยวกับวาจาสร้างความเกลียดชังซึ่งห้ามไม่ให้โพสต์เนื้อหาที่ปฏิเสธว่าเหตุการณ์ความรุนแรงที่มีการบันทึกไว้อย่างละเอียดเคยเกิดขึ้นจริง และเราได้นำวิดีโอออกไปแล้ว

การบังคับใช้หลักเกณฑ์ของชุมชน YouTube

ผู้ชมและครีเอเตอร์มากมายรอบโลกต่างก็ใช้ YouTube เพื่อนำเสนอไอเดียและความคิดเห็นของตน แนวทางด้านความรับผิดชอบของ YouTube ประกอบไปด้วยการดำเนินการสี่ประการ ซึ่งเรียกว่า "หลัก 4R" ดังนี้ การลบ (Remove) เนื้อหาที่ละเมิดนโยบาย, การสนับสนุน (Raise) เนื้อหาจากแหล่งข้อมูลที่เป็นทางการ, การลด (Reduce) การแนะนำเนื้อหาที่เสี่ยงต่อการละเมิด และการให้รางวัล (Reward) แก่ครีเอเตอร์ที่เชื่อถือได้

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ How YouTube Works